1. รวมคำค้นหา
หลายคนอาจจะเคยเจอการโฆษณาที่มันคลุมเครือ คือการใช้จำนวนคำมากมายที่ไม่เจาะจงคำค้นหา หรือ "Keywork" แน่นอน ถ้าเราใช้คำค้นหาที่ไม่ตรงจุด ใครจะเสียเวลามาคลิก ในเมื่อโฆษณาตัวนั้น ไม่มีคำที่เขาสนใจ จริงมั้ย?2. ใช้ประโยค "ตั้งคำถาม"
แน่นอนว่าผู้ชมที่กำลังค้นหาข้อมูลไม่ว่าจะใน google หรือ youtube หรือเว็บไซต์ใดๆ ก็ตาม แสดงว่าเขาต้องการข้อมูลเพื่อสนองความไม่รู้ เขาจึงต้องค้นหา การใช้ลูกเล่นพาดหัวที่ขึ้นตัวด้วยคำถาม จะทำให้ผู้ชม รู้สึกถึงความเป็นพวกเดียวกัน เช่น"เซรั่มหน้าใส Grassy คืออะไร"
"ถ้านอนหลับ แต่ผิวกลับใสขึ้น...ก็ดีสิ" > (ทำให้เกิดความสงสัย)
"งานออนไลน์GDI คืออะไร"
"ทำได้ยังไง ปรับผิวคล้ำให้ใส ชั่วข้ามคืน" เป็นต้น
3. แก้ปัญหาของผู้สนใจ
มีคำกล่าวนึงของผู้เขียนหนังสือขายดี บน Google Ads กล่าวไว้วา"ผู้คนไม่ต้องการซื้อสิ่งต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว เขาต้องการแก้ปัญหาของเขาเองต่างหาก
และพบว่า ผู้คนมักสนใจโฆษณา ที่ระบุการแก้ปัญหา 1 ข้อ มากกว่าบรรยายสรรพคุณ 100ข้อ
4. เพิ่มอารมณ์ขันเล็กน้อย
ส่วนมากเจ้าของสินค้า/บริการ มักจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับโฆษณาของคู่แข่งประเภทเดียวกับกันตน แต่ผู้บริโภค หรือกลุ่มเป้าหมายของสินค้า/บริการของคุณ ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เพราะสิ่งที่เขาเจอกับตัวคือ โฆษณาหลายสิบรายการที่ทำโฆษณาออกมาคล้ายกัน ต่างกันแค่เปลี่ยนคำพาดหัว ส่วนคุณสมบัติสินค้าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ฉะนั้น...
การทำให้โฆษณาของคุณมีความแต่งต่างจากคู่แข่ง อาจใช้อารมณ์ขันเข้าช่วย แต่ยังไงก็ตาม บางครั้งผู้ชมคนหนึ่งอาจมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่อาจจะกลายเป็นเรื่องแป๊ก!! สำหรับผู้ชมอีกคนหนึ่งก็ได้ หากคุณต้องการวัดว่า แนวโน้มกลุ่มผู้ชม จะชอบโฆษณาแบบไหนมากกว่ากัน ลองใช้วิธีการ ทดสอบโฆษณาแบบ A/B คือหยิบมาทดสอบโฆษณาทั้งคู่ อาจจะวัดโดยใช้ กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน แต่ต่างกันที่ข้อความโฆษณา หรือเปลี่ยนภาพประกอบ หรือเปลี่ยนพาดหัว หรือเปลี่ยนคำบรรยาย เพื่อดูจุดแตกต่าง
หมายเหตุ
โปรดอย่าลืม ใส่ใจเรื่องข้อเท็จจริงในการทำโฆษณา เพราะหากบิดเบือนไป อาจส่งผลเสียกับโฆษณาของคุณ หรือสินค้า/บริการของคุณได้เช่นกัน
5. อ้างอิงตัวเลข หรือ สถิติ
มีผู้คนไม่น้อยที่สะดุดกับข้อความโฆษณา ที่อ้างอิงด้วยตัวเลข หรือสถิติ มันอาจจะไม่ได้น่าสนใจเท่ากับการใช้พาดหัวที่ บอกถึงการแก้ปัญหาอย่างที่กล่าวมา แต่มันก็ทำให้ผลลัพธ์ของการดำเนินการ หรือการพรีเซ้นต์สินค้า/บริการคุณ ชัดเจนมากขึ้น6. การใช้ภาษาง่ายๆ
มีคำกล่าวหนึ่งกล่าวไว้ว่า "ถึงแม้คนเราจะใช้เหตุผลในการเลือก หรือตัดสินใจ แต่มีผู้คนไม่น้อยที่พ่ายแพ้ให้กับความรู้สึก ของตัวเอง" เพราะฉะนั้น การใช้ภาษาโฆษณาก็เช่นกัน"จงเล่นกับการแก้ปัญหา และจงกระตุ้นอารมณ์ด้วยภาษาที่เข้าถึงความรู้สึกผู้ชม"
เอาง่ายๆคือ "เลี่ยงภาษาทางการ ที่อ่านแล้วเข้าใจยากได้จะดี แต่ถ้าคุณบอกว่า คุณอ่านแล้วไม่ งง
งั้นคุณก็ต้องกลับไปย้อนถามตัวเองว่า กลุ่มเป้าหมายคุณคือใคร - รายละเอียดกลุ่มเป้าหมายคุณ เป็นแบบเดียวกับคุณรึเปล่า....อย่าลืมนะคะว่า "เราทำสินค้า/บริการให้เขาใช้ ไม่ใช่เราเอามาใช้เอง
การเขียนโฆษณา หรือทำภาพโฆษณา ก็เช่นกัน เราไม่ได้เขียน ให้เราเอาไว้อ่านเอง
เพราะฉะนั้น...อย่าเอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่
7. ใช้ประโยชน์จากการกำหนดจำนวนอักขระหรือตัวอักษร
อันนี้ความหมายตรงๆเลยคือ "กันการใส่น้ำเยอะ" ข้อความโฆษณาขอเนื้อๆ ไม่ต้องสาธยายมาก ถ้ากลัวใจตัวเองก็กำหนดไว้เลย เช่น ตัวอักษรทั้งหมดไม่เกิน 70 ตัว จำกัดเต็มที่ 50 ตัว เป็นต้น8. หมกหมุ่นกับจำนวนคำมากเกินเหตุ
สืบเนื่องจากข้อที่แล้วตัวอย่างข้อความโฆษณา จำนวนอักขระ ได้แค่นี้
>> 70 ทั้งร้าน วันนี้ ถึง 30 ม.ค. 62 <<
**ข้อความนี้ค่อนข้างแย่มากตรงที่ ผู้ที่ผ่านไปมาอาจไม่รู้เลยว่า 70 นี่คือ 70% หรือ 70฿
Guide : ดูซิว่า อะไรที่ตัดแล้วความหมายไม่เปลี่ยน ...ให้ตัดตรงนั้นออก เช่น
>> 70% ทั้งร้าน วันนี้-30 ม.ค. 62 << หรือ
>> ลด70% ทั้งร้าน - 30 ม.ค.นี้<<
เป็นต้น