4เทคนิค | เขียนโพส โฆษณายังไง ให้น่าสนใจ

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ ร้านค้า เจ้าของเพจ เจ้าของช่องยูทูป Blogger ต่างๆ ที่ต้องการให้ธุรกิจ หรือสินค้า/บริการเป็นที่รู้จัก หรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และได้รับความสนใจ  ...รู้รึเปล่าคะว่า...สิ่งที่คุณต้องการบ้านที่สุดคือ....???

ปริมาณของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ โดยอาจจะเป็นผู้สนใจตั้งแต่ต้น แล้วค้นหาคุณเจอ หรืออาจจะไม่ได้สนใจมากมาย แต่แค่อยากรู้ข้อมูลมากขึ้น และมีโอกาสเปลี่ยนไปเป็น กลุ่มเป้าหมายเคุณในที่สุด
ขอเรียกปริมาณ คนที่เข้ามาแบบนี้ว่า... "Traffic"






เดี๋ยวนี้การโฆษณา ต้องแข่งขัน กับความเร็วของนิ้วมือผู้บริโภค  เพราะเขาจะเลื่อนไปแบบไม่มีจุดหมาย จนกว่าจะเจออะไรที่สะกดเขาอยู่  การที่คุณจ่ายเงิน ตั้งแต่ หลักร้อย บาท/วัน หรือต่อคลิกก็ตาม อก็หวังเพียงแค่ให้ โฆษณาของคุณเข้าถึงผู้คนที่ตรงกับสินค้า/หรือบริการของคุณถูกมั้ยคะ

แต่!! ถ้าโฆษณานั้น เข้าถึง หรืออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว  คิดหรอว่าเขาจะตัดสินใจ ซื้อ/ใช้ สินค้า หรือคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ ของคุณง่ายๆ...ถ้ามันไม่มีอะไรที่ดีพอ หรือกระชากใจเขามากพอ?

บทความนี้ หญ้าได้มีโอกาสอ่านบทความจากอินเตอร์เน็ต (จากเว็บ wordstream.com) ได้พูดถึง 4 เทคนิคที่เรียบง่าย และเพื่อนๆสามารถนำมาฝึกใช้กับการเขียนโพส หรือโฆษณาได้ นั่นคือ


1. บอกให้ผู้ชมรู้ว่า สินค้า/บริการ ของคุณ ช่วยแก้ปัญหาได้ยังไง?

เมื่อพูดถึงการจูงใจให้คน หยุดดูโฆษณาคุณ หรือสนใจสินค้า/บริการ หลายคนมักเข้าใจว่า เฮ้ย! หัวข้อโฆษณาสิ จะทำให้คนสนใจหยุดมาดูโฆษณาคุณ ซึ่งหลายคนก็มักจะให้ความสำคัญกับการ"การเขียนหัวข้อโฆษณา" ซึ่งก็ ไม่ได้ผิดอะไรนะคะ
แต่!! คุณต้องย้อนกลับมาดูจุดประสงค์ของการทำโฆษณาก่อนว่า คุณทำเพื่ออะไร?
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขาย ใช่หรือไม่ คุณไม่ได้ให้เขารู้สึกแค่ เฮ้ย โฆษณาน่าสนใจว่ะ แล้ว...แล้วไงต่อ...เออดี...โฆษณาตัวนี้มันทำดีว่ะ...จบ!! 3  2  1 แยก

เพราะงั้น จริงๆ แล้ว "หัวข้อโฆษณา" คือสิ่งแรกที่ผู้ชมจะกลับมาอ่านอีกครั้ง หลังจากที่เขาอ่านเนื้อหา ข้อมูลของคุณทั้งหมด

แม้ว่าคุณจะใช้คำหลัก ที่มันเสนอราคาที่ดี สร้างแรงกระตุ้นให้อยากซื้อแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ดึงดูดให้ผู้คนตัดสินใจซื้อในทันที


ฉะนั้น "หัวข้อโฆษณา" ของคุณต้องมีความโดดเด่น เรื่องของการสะท้อนปัญหาของผู้ชมด้วย บอกให้เขารู้ว่า สินค้า/บริการของคุณ ช่วยแก้ปัญหาเขาได้ยังไง?

เมื่อเขาอ่านในครั้งแรก ....เขาจะเริ่มอยากรู้ว่า  จริงหรอ? จริงป่าวว๊า...เอ๋.....ไหนดูข้อมูลหน่อยซิ  นั่นแหละ!! และก็ค่อยไปว่ากันในเรื่องของเนื้อหา รายละเอียดสินค้า /บริการของคุณต่อ ....

ฉะนั้นข้อมูลสินค้า/บริการของคุณ ก็ต้องสอดคล้องกับ "หัวข้อโฆษณา" ด้วยเช่นกัน  ไม่ใช่พาดหัวข้อ อย่างหนึ่ง เพื่อหลอกล่อให้คนคลิกเข้ามาอ่าน แต่เนื้อหาไปคนละทาง

คนที่คลิกโฆษณา เพราะเขาเห็นว่า "หัวข้อโฆษณา" บอกว่าจะแก้ปัญหาที่เขาเป็นอยู่ได้
ถ้าเข้าไปอ่านข้างใน มันไม่น่าเชื่อถือ ยังไงเขาก็ไม่ซื้อ


2. "อารมณ์" คือแรงกระตุ้นในการซื้อ

ปกติแล้วจะมีผู้ชมบางประเภท ที่ไม่ได้เจาะจงเว็บไซต์ในการหาสินค้า หรือบริการที่จะช่วยแก้ปัญหาให้เขา  ก็จะเกิดพฤติกรรม สไลด์นิ้วบนมือถือ เลื่อนเม้าส์ ไปเรื่อยๆ บางทีก็เลื่อนปรี๊ดไปอย่างรวดเร็ว

ถ้าคุณต้องการดึงผู้ชมประเภทนี้ให้ได้ คุณต้องกระตุ้นเขาด้วย "อารมณ์"

เพราะอะไร? : เพราะว่าจริงๆแล้ว การที่ผู้คนจะตัดสินใจสมัคร/ซื้อ/ใช้สินค้าหรือบริการ ใดๆ นอกจากใช้เหตุผลแล้ว แรงกระตุ้นสำคัญคือ อารมณ์ที่อยากซื้อ อยากใช้ อยากได้ มากพอ


อย่างถ้าโฆษณา หรือโพสของคุณให้ความรู้สึกที่รุ่นแรง เช่นรู้สึก โกรธ เกลียด หรือต่อต้าน พวกเขาก็จะเลื่อนผ่านไป หรืออาจจะมีอารมณ์ที่รุนแรงกระทบกับสินค้า/บริการคุณไปด้วย

เคล็ดลับ
คุณลองหาคำ หรือประโยคที่ทำให้ผู้ชมเห็นถึงประโยชน์ของสินค้าคุณ ว่ามันช่วยแก้ปัญหาคุณได้ยังไง (จากข้อที่ 1) แล้วหาคำที่มาขยายเหตุผล กระตุ้นความรู้สึกที่รุนแรง อยากซื้อ อยากใช้ มากขึ้นสิ

เช่น "เซรั่มฟื้นสภาพผิวให้กลับดูอ่อนกว่าวัย และรู้สึกดีมากเมื่อตื่นนอน"

โดยส่วนใหญ่ เราจะมี 5อารมณ์กระตุ้นแรงปรารถนา
ที่จะช่วยให้คุณสร้างโพส สร้างโฆษณา ให้เข้าถึงอารมณ์ผู้ชม
เทคนิค อารมณ์ทั้ง 5 ที่ควรมีในการโฆษณา
1. รัก
แสดงถึงความรัก / หวังดี / ห่วงใย /ความผูกพัน  เช่น
"ธูปหอมไล่ยุง เหมือนทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ปกป้องลูกน้อยจากยุงร้าย"
(เป็นการแสดงความรักระหว่างแม่-ลูก)

2. กลัว
แสดงถึงความกลัว หดหู่การสูญเสีย การพลาดโอกาส  เช่น
"Lifeประกัน ทำเถอะครับ เพราะไม่รู้ว่า เราจะอยู่กับเขาได้นานแค่ไหน"


3. ง่าย
แสดงถึงความไม่ซับซ้อน ไม่วุ่นวาย ไม่กี่ขั้นตอนก็ได้อย่างที่ต้องการ
เช่น
"Mini Fresh กระตุ้นผิวหน้าก่อนนอนแค่ 2 ขั้นตอน รับผิวใสในวันใหม่"

4. ของถูก ได้ฟรี
แสดงถึงการตัดปัญหา อยากได้อยู่แล้ว แต่ติดเรื่องเงิน จะคุ้มรึเปล่าถ้าซื้อมา ข้อความที่เล่นประเด็นนี้ จะทำให้พวกเขารู้สึกว่า เขาแลกมาด้วยเงินที่ไม่ได้มากมายอะไร หรือไม่ได้เสียอะไรไปซะหน่อย ฯลฯ
เช่น
"แค่สแกน QR โค้ด มาที่นี่ รับฟรี โปรโมชั่น 1 แถม 1 ทุกรายการ"

5. ฝันที่เป็นจริง
แสดงถึงความรู้สึก สำเร็จอย่างที่ฝันไว้ ไม่ต้องรอนาน ได้อย่างที่ต้องการ เจอแล้วทางแก้ปัญหา  เช่น
"

อีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้คุณ คิดข้อความสำหรับโพส/โฆษณาได้ง่ายขึ้น

  • กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าคุณคือใคร
  • เจาะรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายนั้น
  • ฝึกเขียนโฆษณาเชิงอารมณ์ (ลองใช้เทคนิคอารมณ์ทั้ง 5 ) เน้นกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้
**แต่ต้องระมัดระวัง ข้อความที่ก่อให้เกิดอารมณ์เชิงลบ จากข้อความที่คุณใช้ ไม่ว่าข้อความนั้น จะเกิดกับคนอื่น กับคู่แข่งหรือใดๆ ก็ตาม ไม่ควรมีอยู่ในโฆษณาของคุณ 

3. เน้นที่ประโยชน์ไม่ใช่คุณสมบัติ

เวลาพูดถึงโฆษณา หรือโพสที่ตั้งใจจะกระตุ้นยอดขาย สิ่งที่คุณควรเลี่ยงคือ ไม่ควรไปเสียเวลาสาธยายสรรพคุณของแบรนด์คุณว่ามันน่าซื้อ น่าใช้ น่าสมัครแค่ไหน ควรเน้นไปที่คำว่า "อย่างไร" คือแบรนด์ สินค้า/บริการของคุณจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาได้ยังไง

และข้อความของคุณควรมีการจำกัดเฉพาะ เป็นส่วนตัวคือระบุ เป็น 1 บุคคล เช่นคำว่า "คุณ" 
ตัวอย่าง
ข้อความที่ 1
"รังแค คือสิ่งกวนใจคุณใช่หรือมั้ย? ครีมบำรุงผมสลายรังแคขณะหลับสิครับ"
หรือ
ข้อความที่ 2
"รังแค คือสิ่งที่กวนใจคุณผู้หญิงใช่หรือมั้ย?ครีมบำรุงผมสลายรังแคขณะหลับสิครับ"

**คุณลองอ่าน แล้วลองใช้ความรู้สึกส่วนตัว ถามตัวเองดูค่ะว่า ข้อความไหน สะกิดใจคุณมากกว่ากัน
.
.
.
.
ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าถึง และสนใจเรื่องการให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าเพราะงั้น คำว่า "คุณ"
จะส่งผลดีต่ออารมณ์ลูกค้าของคุณที่เข้ามาอ่านโพส/โฆษณาคุณมากกว่า



4. ใช้ FOMO ให้เป็นประโยชน์

FOMO หรือ Frea Of Mission Out หรือโรคกลัวตกกระแส นั่นเอง
เรามักจะเจอกันบ่อย เป็นกลยุทธ์ใช้ความกลัวเข้ามา แต่เป็นความกลัวที่ทำให้ผู้ชมถูกเร่งปฏิกิริยา อารมณ์กลัวมากขึ้น  โดยเฉพาะคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณ  เช่น

การนับถอยหลัง : โทรหาเราภายใน 5 นาที คุณจะได้รับสินค้านี้ในราคาส่วนลดทันที 75%

หรือเข้าเว็บไปคุณก็จะเจอนาฬิกานับถอยหลัง Shop On Sale เป็นต้น

โฆษณาเหล่านี้ใช้การได้เพราะคนเรามีแรงจูงใจเรื่องการสูญเสีย มากกว่าการได้รับบางอย่าง  แต่ก็มีเช่นกัน กรณีเราทำเวลานับถอยหลัง ก็จะทำให้คนที่พึ่งเข้ามา อาจจะอยากคลิกผ่าน เพราะ  รู้สึกเสียดาย แต่สายไปเสียแล้ว พลาดแล้ว กดเข้าไปดูก็เสียเวลาเปล่า

เพราะฉะนั้น ต้องวางแผนการใช้เทคนิคนี้ดีๆ นะ


ออ..แถมให้นิดจ๊ะ


เรื่อง 1 : กรณีโพสยาว เกิน 3 บรรทัด
อันนี้เหมาะมากบน facebook
- ถ้าทำให้ บรรทัด 1-2 กระตุ้นความสนใจ คนจะหยุดอ่าน
- ถ้าทำให้ บรรทัด 3-5 กระตุ้นความอยากรู้ คนจะคลิก "อ่านต่อ"
- ลองนำเทคนิค ข้อ 1-4 ข้างบนมาใช้ เช่นเรื่องอารมณ์ ให้มีอยู่ในโพส
จะทำให้เกิดแรงกระตุ้นถึงขั้น "ตัดสินใจ"

แต่ตัดสินใจซื้อ หรือปิดโพสนี้ ก็ขึ้นอยู่กับแรงกระตุ้นที่คุณสื่อสารกับเขานะ

เรื่อง 2 :อย่าลืม จัดรูปแบบข้อความให้น่าอ่านด้วยนะ

ตัวอย่างที่ 1

ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปป ปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปป ป ปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปป ปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปป ปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป ปปปปปปป

ตัวอย่างที่ 2

ปปปปปปปปปป    ปปปปปปปปปปปปป
ปปปปปป ปปปปปปปปปปป
ปปปปปป  ปปปปปปปปปปป ปปปปปป
ปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปปป
ปปป...
ปปปปปปปปปปป ปปปปปปปปปปปป
ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป
ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป
.
ปปปปปปปปปปป
ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป


ตัวอย่างไหน อ่านง่ายกว่ากัน...?